มาร์โก แวน บาสเท่น ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 1964 ที่อูเทรค ประเทศฮอลแลนด์ เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุได้ 6 ขวบ ก่อนที่อูเทรค จะเริ่มเห็นแวว จึงดึงไปพัฒนาในระบบของเยาวชน และฝึกซ้อมที่นั่นถึง 9 ปี

ชีวิตจะสู้แค่ไหน ถ้าสังขารไม่ให้ก็ควรจะพอ ซึ่ง มาร์โก แวน บาสเท่น คือ หนึ่งในนักเตะมากความสามารถแห่งยุค 80 แต่ ต้องเลิกเล่นก่อนวัยอันควร เนื่องจากอาการบาดเจ็บข้อเท้าที่รุมเร้ามานานหลายปี

โดย แวน บาสเท่น เปิดเผยว่า ผมตายจากการเป็นนักฟุตบอลตั้งแต่ อายุ 30 ความเจ็บปวดทั้งหมดที่ผมเจอมันไม่คุ้มค่าเลยข้อเท้าของผมสร้างปัญหามากมายมันส่งผลต่อการใช้ชีวิตในแต่ละวันของผม แต่ตอนนั้นฟุตบอลคือทั้งชีวิตของผม ซึ่งจนถึง ปัจจุบันนี้ ผมยังไม่สามารถเตะฟุตบอลได้อีกเลย

หลังจากนั้น อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม มาดึงตัวไปร่วมงานด้วยเมื่ออายุได้ 16 ปี และความเป็นอัจฉริยะเรื่องการยิงประตู ก็ถูกปลดปล่อยออกมาแบบไม่ต้องรอให้เสียเวลา

ย้อนกลับไปในยุคปลาย 80 ต่อเนื่องถึงยุค 90 มาร์โก แวน บาสเท่น ศูนย์หน้าระดับโลกที่ได้รับการยอมรับว่า เล่นฟุตบอลได้สวยงาม จบสกอร์ได้เฉียบขาด ทำประตูได้ทะลุหลัก 300 ประตูไปแล้ว

แต่สถิติต่างๆ ต้องมาหยุดลงเพราะอาการบาดเจ็บ ทำให้เส้นทางฟุตบอลของเขาสั้นเกินไป หากเอ่ยชื่อของ มาร์โก แวน บาสเท่น ไปแล้ว เชื่อได้เลยว่า แฟนบอลรุ่นวัยกลางคนต้องมีใครคนใดคนหนึ่ง มีเขาเป็นไอดอลในหัวใจแน่ๆ

แวน บาสเท่น ใช้เวลาสองฤดูกาลแรก ในการทำประตูได้ 10 ประตู แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมา ฝีไม้ลายมือในตัวเขาก็ทำงานอย่างเต็มที่ ทำให้ตลอดเวลาที่เขาลงเล่นให้อาแจ๊กซ์ เป็นเวลาหกปี เขาสามารถทำประตูให้ทีมไปได้รวมทั้งสิ้น 152 ประตู จากการลงเล่น 172 นัด ซึ่งตอนนั้น เขาเพิ่งจะมีอายุเพียงยี่สิบปีต้นๆ เท่านั้น

ในปี 1987 ปีศาจแดงดำ เอซี มิลาน ซึ่งเวลานั้นคือยักษ์ใหญ่แห่งยุโรป ภายใต้เจ้าของทีมอย่าง ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ ก็ไปทำการดึงตัวผู้เล่นร้อนแรงทีมชาติฮอลแลนด์มาสู่ทีม ก่อนที่หลังจากนั้น จะดึงตัวทั้งแฟร้งค์ ไรจ์การ์ด และ รุด กุลลิท มาเป็นสามทหารเสือดัตช์ให้ทีมในปีต่อมา

ในฤดูกาล 1988-89 ถือเป็นช่วงที่ แวน บาสเท่น ฟอร์มร้อนแรงมาก เพราะนอกจากจะพาทีมฮอลแลนด์ คว้าแชมป์ ยูโร 88 พร้อมกับการแจ้งเกิดคว้าดาวซัลโวประจำทัวร์นาเม้นต์มาครองได้แล้ว ความยอดเยี่ยมในการซัดประตูของเขายังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง มาคว้ารางวัลดาวซัลโวฟุตบอลกัลโช่เซเรียอา พร้อมกับพาทีมปีศาจแดงดำ ครองแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพได้อีก ทำให้ที่สุดแล้ว รางวัลบัลลงดอร์ ก็ตกเป็นของแวน บาสเท่น จนได้

แต่น่าเสียดาย ที่การเล่นฟุตบอลของมาร์โก แวน บาสเท่น ไม่ยืนยาว เพราะหลังจากที่เล่นให้ทีมปีศาจแดงดำ ผ่านไป 6 ปี เขายังทำหน้าที่ศูนย์หน้าเบอร์หนึ่งของทีมได้อย่างยอดเยี่ยม

แต่อาการบาดเจ็บ มาทำลายเส้นทางลูกหนังของเขาลงอย่างราบคาบ ซึ่งเขาต้องเข้ารับการผ่าตัดที่ข้อเท้าถึง 3 ครั้ง ก่อนที่จะไม่ฝืนสังขาร ทำให้ต้องเลิกเล่นฟุตบอลไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่อายุยังไม่ถึง 30 ปี

มาร์โก แวน บัสเท่น หาตัวจับยาก สถิติการพังประตูตลอดชีวิตการเป็นนักฟุตบอลอาชีพของเขา ฝากเอาไว้ที่การลงเล่น 373 นัด ยิงประตูไปแล้ว 277 ประตู นี่คือตัวเลขระดับสโมสร ส่วนในระดับทีมชาติ ลงเล่นไป 58 นัด ยิงได้ 24 ประตู ซึ่งมองจากสถิติแล้ว นี่คือดาวยิงระดับชั้นนำของโลกอย่างแท้จริง

สไตล์การเล่นของ แวน บาสเท่น เขาเป็นศูนย์หน้าที่ครบเครื่อง รูปร่างสูงใหญ่ ถึง 188 เซนติเมตร แต่การเล่นฟุตบอลทั้งสองเท้า สามารถยิงประตูได้หมด รวมทั้งลูกกลางอากาศ จุดเด่นคือ ทักษะการจบสกอร์ ที่เล่นไม่ยาก แต่ประสิทธิภาพสูงมาก จนถึงทุกวันนี้

เขายังได้รับการยอมรับให้เป็นตำนานของทีมชาติ และ เอซี มิลาน ที่ยังหาตัวมาทำหน้าที่จบสกอร์คล้ายคลึงกับที่เขาเคยฝากไว้ไม่ได้

หลังจากยุติจากการค้าแข้งและหันหลังให้กับวงการนักเตะ อาชีพโค้ชคือสิ่งที่เขาเริ่มต้นใหม่ และเคยก้าวขึ้นถึงการคุมทีมชาติฮอลแลนด์มาแล้ว ซึ่งปัจจุบัน เขาคือผู้อำนวยการทางด้านเทคนิคให้กับฟีฟ่า ตำแหน่งใหญ่โตทีเดียวสำหรับ อดีตศูนย์หน้า ฉายา เพชรฆาตพรายกระซิบ ผู้นี้