นี่นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เกมรอบคัดเลือกของศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปต้องถูกยกเลิกการแข่งขันด้วยสาเหตุของการก่อเหตุป่วนของแฟนบอล โดยในเวลาต่อมา นอร์วิก ถูกดำเนินคดีในชั้นศาล ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่าตอนนั้นเมาจัด จนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าพยายามที่จะทำร้ายกรรมการในสนาม
ตอนนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าฝ่ายจัดการแข่งขันจะให้กลับมาแข่งกันให้จบในช่วงเวลาที่เหลือ หรือจะมีการประกาศให้ โบรุสเซีย ชนะฟาวล์ไปเลย หลังจากเดิมทีตอนนั้นพวกเขาก็นำ 2-0 อยู่แล้ว
ซึ่งหากเป็นกรณีหลังมันก็ไม่ถือว่าน่าเซอร์ไพรส์อะไรมากนัก เพราะที่ผ่านมาก็เคยเกิดเหตุการณ์ที่แฟนบอลทำร้ายทีมงานผู้ตัดสินในเกมฟุตบอลระดับสูงจนนำไปสู่การ ปรับแพ้ มาแล้ว
นับเป็นเหตุการณ์สุดฉาวโฉ่ของวงการฟุตบอลในประเทศเยอรมันครั้งหนึ่งเลยทีเดียว หลังจากเกมที่ โบคุ่ม เปิดบ้านเจอกับ โบรุสเซีย เมื่อวันศุกร์ที่ 18 มีนาคม ที่ผ่านมานั้น จำเป็นต้องสั่งพักการแข่งขันเอาไว้ก่อนทั้งที่เตะกันไปได้ราว 69 นาที หลังจากมีแฟนบอลเจ้าถิ่นขว้างถ้วยพลาสติกที่เอาไว้ใช้สำหรับดื่มเบียร์ใส่บริเวณด้านหลังศีรษะของ คริสเตียน กิทเทิ่ลแมน ผู้กำกับเส้นคนหนึ่ง
คริสเตียน กิทเทิ่ลแมน ผู้กำกับเส้น แสดงท่าทีพร้อมทำหน้าที่ต่อ แต่กรรมการ เบนจามิน คอร์ตัส มองว่ามันจะเป็นการดีกว่าที่จะระงับการแข่งขันเอาไว้ชั่วคราว แม้แต่ โบคุ่ม ยังออกมาประณามการกระทำของแฟนบอลตัวเอง ว่าเป็นพฤติกรรมที่โง่เง่า
หนึ่งในตัวอย่างของเรื่องนั้นไม่ได้เกิดขึ้นในสถานที่ที่ห่างไกลจากเหตุการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมามากนัก เพราะมันเป็นเกม เดเอฟเบ-โพคาล รอบแรก ประจำฤดูกาล 2015-16 นัดที่ แอร์เบ ไลป์ซิก ที่ตอนนั้นเล่นอยู่ในระดับ ลีกา 2 ไปเยือน เฟาเอฟแอล ออสนาบรู๊ค ทีมจากลีกระดับท้องถิ่น
แม้ในตอนแรกนั้น ออสนาบรู๊ค จะสร้างผลงานระดับหักปากการเซียนได้ เพราะนำ ไลป์ซิก 1-0 แต่แล้ว ในช่วงนาทีที่ 71 ของการแข่งขันก็เกิดเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อมีกองเชียร์จากบนอัฒจันทร์ของฝั่ง ออสนาบรู๊ค ขว้างไฟแช็กลงมา และไปโดนหัวของ มาร์ติน ปีเตอร์เซ่น ผู้ตัดสินประจำเกมนี้
มาร์ติน ปีเตอร์เซ่นเจ็บต้องกุมบริเวณที่โดนไฟแช็กกระแทกเป็นเวลานาน และหลังจากพิจารณาอยู่พักหนึ่ง ก็มีการตัดสินให้ ไลป์ซิก ชนะฟาวล์ 2-0 เพราะกฎของเดเอฟเบ ระบุว่าสโมสทุกสโมสรต้องมีส่วนรับผิดชอบกับการกระทำของแฟนบอลทีมตัวเอง
ไลป์ซิก เสนอที่จะให้เกมมันกลับมาเตะกันใหม่ด้วย แต่ศาลกีฬาก็ยืนกรานคำตัดสินเดิม สุดท้าย ไลป์ซิก ก็ไปไม่รอดจอดป้ายที่รอบ 2 จากการแพ้ อุนเตอร์ฮากิ้ง อีกหนึ่งทีมจากลีกระดับท้องถิ่น
อีกหนึ่งตัวอย่างเกี่ยวกับกรณีนี้ และถือว่าเกิดขึ้นในเกมที่มีดีกรีสูงกว่าด้วย คือตอนที่ เดนมาร์ก เปิดรังเจอกับ สวีเดน ในเกม ยูโร 2008 รอบคัดเลือก กลุ่ม เอฟ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ปี 2007 โดยถือเป็นเกมที่ได้รับความสนใจอย่างมาก เพราะมันเป็นครั้งแรกที่ 2 ชาติคู่อริในย่านสแกนดิเนเวียโคจรมาเจอกันในเกม ยูโร รอบคัดเลือก
รูปเกมดุเดือดสมกับที่หลายคนคิดเอาไว้ เพราะหลังจาก สวีเดน นำไปก่อน เจ้าถิ่นก็ไล่ฮึดจนตีเสมอเป็น 3-3 ได้สำเร็จ จนมาถึงนาทีที่ 89 แฮร์เบิร์ต ฟานเดิ้ล ผู้ตัดสินชาวเยอรมันก็เป่าให้ สวีเดน ได้ลูกโทษ หลังจาก คริสเตียล โพลเซ่น ดาวเตะของเจ้าถิ่นไปต่อย มาร์คุส โรเซนเบิร์ก ที่ท้อง และยังโดนใบแดงไล่ออกจากสนามด้วย
ก็คงพอจะเดาได้ว่าแฟนบอลเจ้าบ้านเดือดสุดๆ กับจังหวะนี้ แต่ปัญหาก็คือ รอนนี่ นอร์วิก แฟนบอล เดนมาร์ก คนหนึ่งวิ่งลงมาในสนามและพยายามจะกระชากคอของ ฟานเดิ้ล ยังดีที่ นอร์วิก ดึงไม่แรงพอ ขณะที่ ไมเคิ่ล กราฟการ์ด แนวรับ เดนมาร์ก ก็ต้องเข้าไปขวาง นอร์วิก ไม่ให้เข้าไปทำร้ายเชิ้ตดำเพิ่ม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ ฟานเดิ้ล เรียกทีมงานมาคุยกัน ก่อนที่จะพาทั้งหมดเดินออกจากสนาม และไม่กี่นาทีต่อมา ลาร์ส เบเรนด์ต โฆษกของสมาคมฟุตบอลเดนมาร์กก็ออกมาประกาศว่าให้ สวีเดน ชนะฟาวล์ไป 3-0
และในการเล่นรอบคัดเลือกครั้งนั้น สวีเดน ก็เป็นอันดับ 2 ของกลุ่มด้วยผลงาน 26 คะแนนจากการลงเล่น 12 นัด จนทำให้พวกเขาผ่านเข้าสู่ ยูโร 2008 รอบสุดท้าย ขณะที่ เดนมาร์ก ได้เพียงอันดับ 4 ของกลุ่มจากการมี 20 แต้ม