ศึก พรีเมียร์ลีก สัปดาห์นี้มีคู่ที่น่าสนใจหลายต่อหลายคู่ เราไปไล่เรียงกันเลยว่ามีอะไรที่เด็ด ๆ ก่อนเกมบ้าง?
นกนางนวล-หงส์แดง
ถึงตอนนี้ หงส์แดง ทำสกอร์บนศึก พรีเมียร์ลีก ไปแล้ว 1,998 ลูก และจะเป็นทีมที่สองต่อจาก ปีศาจแดง ที่ถลุงประตูคู่แข่งแตะหลัก 2,000 ซึ่ง 10 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนประตูที่ทำได้นั้น มาจากสองคู่หูแนวรุกในทีมชุดปัจจุบันอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (114) และ ซาดิโอ มาเน่ (86)
หลังจากที่แพ้ทั้ง 6 เกมแรกใน พรีเมียร์ลีก ที่เจอกับ หงส์แดง ถัดมา 3 นัดหลังสุด ไบรท์ตัน ไม่แพ้ หงส์แดง อีกเลย โดยเป็นการชนะ 1 เสมอ 2 ซึ่งยอดทีมแห่งเมอร์ซี่ย์ไซด์ เองยังไม่เคยไม่ชนะ เดอะ ซีกัลส์ 4 นัดติดต่อกันทุกรายการ
นกนางนวล แพ้รวด 4 เกมหลังที่ลงเล่น ซึ่งพวกเขาไม่เคยแพ้ใคร 5 เกมติดต่อกันตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2007 สมัยที่ทำศึกระดับ ลีก วัน
ปีศาจแดง-ไก่เดือยทอง
แฮร์รี่ เคน ดาวยิง ไก่เดือยทอง สอยประตูเกมเยือนใน พรีเมียร์ลีก ไปแล้ว 93 ลูกจาก 137 เกม โดยเจ้าตัวขาดแค่ลูกเดียวก็จะทำสถิติเทียบเท่า เวย์น รูนี่ย์ ที่เป็นนักเตะที่ทำสกอร์นัดเยือนได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ลีก
ปีศาจแดง มองหาชัยชนะเกมลีกเหนือ ไก่เดือยทอง 3 นัดติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เคยทำได้ตอนช่วงระหว่างเดือนเมษายน ปี 2009 ถึงเดือนตุลาคม ปี 2010
อย่างไรก็ดี ไก่เดือยทอง เอาชนะ ปีศาจแดง ได้ 2 จาก 3 เกมหลังสุดที่บุกไปเยือนสนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด (แพ้ 1) ซึ่งเทียบเท่ากับสถิติก่อนหน้านี้ 26 เกมที่พวกเขาเอาชนะได้ 2 ครั้ง (เสมอ 3 แพ้ 21)
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มีส่วนร่วมกับประตู 7 ลูกจาก 5 เกมหลังสุดที่เจอกับ ไก่เดือยทอง บนเวที พรีเมียร์ลีก (4 ประตู 3 แอสซิสต์) โดยทั้งประตูกับแอสซิสต์ มาจาก 3 เกมที่ไม่ซ้ำกัน
สาลิกาดง-สิงโตน้ำเงินคราม
เอ็ดดี้ ฮาว กุนซือ สาลิกาดง บุกเอาชนะ สิงโตน้ำเงินคราม ได้ถึง 3 ครั้งจากเกมพรีเมียร์ลีก 5 นัดหลังสุด (แพ้ 2) โดยหากนับกุนซือทั้งหมดที่เคยบุกชนะที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้อย่างน้อย 3 ครั้ง ฮาว เป็นคนที่อัตราการชนะที่นี่สูงสุดที่ 60 เปอร์เซ็นต์
ถึงกระนั้น สิงโตน้ำเงินคราม เอาชนะ สาลิกาดง ได้ตลอด 8 เกมลีกหลังสุดที่เล่นในบ้านตัวเอง ซึ่งเป็นสถิติของทีมที่เอาชนะคู่แข่งรายเดิมติดต่อกันนานสุดเป็นลำดับที่ 4 โดยสถิติสูงสุดพวกเขาเคยชนะต่อ โบลตัน ในบ้าน 9 นัดติดต่อกันตอนช่วงระหว่างปี 1976-2003
สาลิกาดง แพ้ถึง 23 นัดจาก 24 เกมลีกที่ออกไปเยือนในการเผชิญหน้ากับทีมกลุ่มท็อปทรี เกมเดียวที่พวกเขาไม่แพ้คือการเอาชนะ จิ้งจอกสยาม 4-2 ตอนเดือนพฤษภาคม ปี 2021
ในซีซั่นนี้ ไม่มีผู้เล่น สิงโตน้ำเงินคราม คนใดที่ทำประตูที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ทุกรายการได้มากกว่า ไค ฮาแวร์ตซ์ (5) อีกแล้ว อย่างไรก็ตาม แข้งทีมชาติเยอรมนี ทำประตูที่สนามแห่งนี้ในลีกได้แค่ลูกเดียวเท่านั้น คือเกมที่เสมอ เบิร์นลี่ย์ 1-1 เมื่อเดือนพฤศจิกายน
ไอ้ปืนใหญ่-จิ้งจอกสยาม
จิ้งจอกสยาม เคยมาบุกที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม 1-0 เมื่อซีซั่นที่แล้ว ซึ่งถึงเป็นการยุติการไร้ชัยที่บ้าน ไอ้ปืนใหญ่ 23 เกมลีก ถึงกระนั้น จิ้งจอกสยาม ยังไม่เคยบุกชนะ ไอ้ปืนใหญ่ 2 นัดติดได้เลย
เดอะ กันเนอร์ส มองหาชัยชนะเหนือ จิ้งจอกสยาม ทั้งไป-กลับให้ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2015/16 หลังจากเกมแรกเอาชนะที่ คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม 2-0 ตอนต้นซีซั่น
ไอ้ปืนใหญ่ เก็บได้ถึง 25 แต้มจาก 30 เกมหลังสุด (ชนะ 8 เสมอ 1 แพ้ 1) ซึ่งไม่มีทีมไหนที่เก็บแต้มในช่วง 10 เกมหลังได้มากกว่าพวกเขาอีกแล้ว (เท่ากับ เรือใบสีฟ้า)
สองเกมหลังสุดของ จิ้งจอกสยาม คือการเก็บชัยได้เหนือ เบิร์นลี่ย์ 2-0 และ ลีดส์ ยูไนเต็ด 1-0 โดยพวกเขาไม่สามารถคว้าชัยแบบเก็บคลีนชีต 3 นัดติดได้เลยนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2019 ซึ่งตอนนั้นเกมที่ 3 จิ้งจอกสยาม เอาชนะ ไอ้ปืนใหญ่ ได้ 2-0
ราชวังเรือนแก้ว-เรือใบสีฟ้า
เรือใบสีฟ้า ไม่แพ้เกมเยือนในลีกมาแล้ว 13 นัดติดต่อกันนับตั้งแต่ที่แพ้ ไก่เดือยทอง ตอนนัดเปิดซีซั่น (ชนะ 11 เสมอ 2) โดยสถิติที่พวกเขาไม่แพ้เกมเยือนนานสุดเกิดขึ้นตอนช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนธันวาคมปี 2018 (14 เกม)
ราชวังเรือนแก้ว มองหาชัยชนะเหนือ เรือใบสีฟ้า แบบไป-กลับให้ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 1987/88 ที่ตอนนั้นเล่นอยู่ลีกระดับดิวิชั่น 2 ซึ่งเกมแรกที่เจอกัน ดิ อีเกิ้ลส์ สามารถบุกชนะที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม 2-0
วิลฟรีด ซาฮา ทำประตูที่ 9 ของตัวเองในลีกซีซั่นนี้ในเกมที่เจอ วูล์ฟส์ โดย 8 เกมหลังสุดเจ้าตัวซัดได้ถึง 5 ประตู ซึ่งหลังจากที่ฤดูกาลก่อนเขาทำประตูไป 11 ลูกได้นั้น มาปีนี้เขาก็หวังว่าจะมีสกอร์แตะเลขสองหลังสองปีติดต่อกันให้ได้เป็นครั้งแรกในชีวิตการค้าแข้ง
เรือใบสีฟ้า เอาชนะ ราชวังเรือนแก้ว ได้ถึง 5 จาก 6 เกมลีกที่เจอกันที่ เซลเฮิร์สท์ พาร์ค (เสมอ 1) โดยเกมสุดท้ายที่แพ้ที่นี่เกิดขึ้ในเกมมันเดย์ ไนท์ ตอนเดือนเมษายน ปี 2015